แอโรบิก หนึ่งในการเต้นออกกำลังกายสุดคลาสสิกที่ใคร ๆ ก็ต้องคุ้นหูกัน ถึงฟังแล้วเหมือนไม่มีไร แต่ขอบอกเลยว่าผลลัพธ์ปังปุริเย่ไม่แพ้ท่าเต้นแบบใหม่ ๆ เลยนะ
ใครที่ไม่กล้าลองของแปลก เราก็ได้รวมประโยชน์ วิธีการเต้นแอโรบิกที่ทำตามได้ง่าย แต่ก็ช่วยเผาผลาญได้ด้วย แบบที่เราไม่ต้องไปทำท่าแปลก พิสดารจนบางครั้งทำเอาตัวเราปวดร้าวไปทั้งตัว
แอโรบิก จัดเป็นหนึ่งในการเต้นออกกำลังกายยอดฮิตที่ทุกคนต้องรู้จัก และได้รับความนิยมกัน แล้วเคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมสายเฮลตี้ถึงชอบเข้าโปรแกรมคลาสเต้นกัน? จนบางทีก็มีจัดเป็นกิจกรรมเต้นแอโรบิกในโรงเรียน หรือเป็นลุง ๆ ป้า ๆ รวมตัวกันเต้นแอโรบิกทุกตอนเย็นก่อนมี เราก็ขอมาพูดถึงการเต้นก่อนละกัน..
ทำไมสายเฮลตี้ชอบเข้าโปรแกรมคลาสเต้นกัน?
ขึ้นชื่อว่าออกกำลังกาย เพื่อน ๆ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ดังนั้นจะดีกว่ามั้ยถ้าเราสนุกไปกับการออกกำลังกาย ยิ่งเราเปิดเพลงไปด้วยนี่บอกเลยว่าเพลินจนลืมดูเวลาออกกำลังกายไปเลยก็มี
แต่การเต้นแทนการออกกำลังกายมันจะดีกว่าการออกกำลังกายเเบบจริงแน่หรอ? ถ้าเพื่อน ๆ สงสัยกันแล้วเราก็ไปดูด้วยกันเลย
การออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เพราะเราสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ทำให้สม่ำเสมอต่อเนื่องนั้นเหมือนจะเป็นอีกเรื่อง เพราะปัจจัยจากหลาย ๆ ด้าน เช่น ไม่อยากไปออกกำลังกายคนเดียวเหงา ๆ ไม่มีเพื่อนไปด้วย ไม่มีแพสชั่นในการออกกำลังกาย ไม่ตื่นเต้น ท้าทาย ความขี้เกียจและชอบผัดวันประกันพรุ่งของเราเอง หรือเบื่อการออกกำลังกายรูปเเบบเดิม ๆ
จึงมีคนได้นำ “การเต้น” เข้ามาในวงการการออกกำลังกาย จากการโคลฟ์เวอร์ตามศิลปินเกาหลี ท่าเต้นจาก mv ของอปป้า ที่เป็นเมนของใคร ๆ เต้น B-BOY เต้นแอโรบิก ฯลฯ ทำให้สายเฮลตี้หันมาออกกำลังกายในรูปแบบการเต้นมากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นอย่างเรา เพราะนอกจากสนุกมันส์แล้ว ยังไม่น่าเบื่ออีกด้วย
การเต้นมีดี และแตกต่างจากการออกกำลังกายแบบปกติยังไง!
- ช่วยให้อารมณ์ดี
แค่เต้นเราก็สนุกกันแล้ว ยิ่งมีเพลงมันส์ ๆ ด้วยนิขอบอกเลยว่าได้ทั้งวัน! แล้วที่เราเต้นได้เรื่อย ๆ มันเพราะอะไรล่ะ? นั่นเพราะเมื่อร่างกายทำอะไรสนุก หรือผ่อนคลายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินหรือฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยให้อารมณ์ดี สดชื่น แจ่มใสและคลายเครียด
- ช่วยให้ทรงตัวและระบบไหลเวียนของร่างกายให้ดีขึ้น
ทักษะใหม่ที่ได้มาแบบไม่รู้ตัวกับการทรงตัว เพราะการเต้นนั้นเป็นการเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นการจัดระเบียบของร่างกาย และทำให้เราควบคุมร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมสร้างความสมดุลให้เรามากขึ้น เนื่องจากร่างกายเราเมื่อเต้นออกกำลังกายจะมีความยืดหยุ่น คล่องแคล่วและมีสเถียรภาพมากขึ้น สังเกตง่าย ๆ เราจะเห็นพวกเต้นผาดโผนนั้นสามารถควบคุมการทรงตัวได้ดี เช่น เต้นบีบอย ที่มีการเต้นตีลังกากลับหัว เป็นต้น รวมถึงการขยับตัวของร่างกายนั้นช่วยให้
- ดีต่อร่างกายและใจ
ขึ้นชื่อว่าออกกำลังกายแล้วก็ย่อมทำให้ร่างกายแข็งแรงแน่นอน ซึ่งการเต้นนั้นก็จัดเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายนั้น โดยมีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ให้ยืดหยุ่น และแข็งแรง อีกทั้งการเต้นที่เราพูดถึงกันอยู่เนี่ย ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยนะ เพราะจากงานวิจัยของอิตาลี พบว่าคนที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อเต้นจังหวะวอลทซ์ มีการหายใจ และหัวใจมีความแข็งแรงขึ้นกว่าคนที่ปั่นจักรยาน หรือวิ่งบนสายพานเฉย ๆ
- ได้เพื่อนและก๊วนใหม่
เชื่อเลยว่าการไปเมาท์มอยกับเพื่อนที่ชอบอะไรเหมือนกันเป็นอะไรที่ดีมาก เพราะบางทีแก๊งเพื่อนของเราก็ใช่ว่าจะมีรสนิยม ความชอบเหมือนกัน ยิ่งได้เจอเพื่อนที่คลิกกับเราได้จนกลายเป็นเพื่อนสนิทไปเลย แถมการเข้าสังคมนั้นช่วยเราคลายเครียด และทำให้เรามีความสุขอีกด้วย รวมถึงเราสามารถระบายคลายเครียดกับเพื่อนเราได้ด้วย
แดนซ์มันส์ ๆ ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรอ?
เราขอเอาตัวเป็นประกันเลยว่า ได้แน่นอน! เพราะการเต้นถือเป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ เนื่องจากการเต้นทำให้เกิดการขยับของร่างกายเกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น สะโพก เอว ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากเบิร์นไขมันส่วนเกินของร่างกาย
ถ้าใครยังไม่เชื่ออีก! เราก็ขออ้างอิงจากงานวิจัยของ Journal of Physiological Anthropology พบว่า การเต้นออกกำลังกายนั้นสามารถช่วยลดน้ำหนัก และมี Aerobic Power เพิ่มขึ้นได้พอ ๆ กับการวิ่งจ็อกกิ้ง และการปั่นจักรยาน
มาถึงสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนรอคอยกับ..
การเต้นแอโรบิก ช่วยเผาผลาญได้มาก แถมประหยัดเวลาด้วย!
การเต้นนั้นมีรูปแบบหลากหลายสไตล์มากจนใช้มือนับกันไม่หมดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Hip Hop dance, Street Dance, B-Boy, K-Pop / Cover K-pop dance หรือที่เพื่อน ๆ รู้จักกันอย่างการโคลฟ์เวอร์แด๊นซ์, การเต้นซุมบ้า เป็นต้น ซึ่งถ้าใครสงสัยว่าเต้นแบบไหนช่วยลดน้ำหนักได้เยอะสุดก็สามารถไปตามอ่านได้ที่ Link
แต่บทความนี้เราจะมาพูดถึงการเต้นแบบแอโรบิกนั่นเอง! ที่นอกจากจะเป็นการแดนซ์เพื่อลดน้ำหนักได้เยอะแล้ว ยังเหมาะกับคนเวลาน้อย หรือขี้เกียจออกกำลังกายนาน ๆ ด้วย ถ้าอยากรู้แล้วว่าต้องเต้น หรือควรเตรียมตัวยังไงก็ไปดูพร้อมกันเลย!
6 ท่าเต้นแอโรบิกที่ช่วยเผาผลาญภายใน 30 นาที
- Basic Step
ท่าแรกเรามาเริ่มกันที่ท่าซอฟ ๆ กันก่อน ท่าพื้นฐานที่เป็นท่าเริ่มต้นที่มีทุกการเต้น เพื่อช่วยยืดเส้นยืดสาย และช่วยวอร์มร่างกายของเราให้พร้อมกับการเต้นแอโรบิก
ส่วนวิธีทำ: ยืนตัวตรง กางขาแยกจากกัน แล้วก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าตามด้วยก้าวเท้าขวา จากนั้นก้าวเท้าซ้ายกลับไปข้างหลังและก้าวเท้าขวาตามจนกลับสู่ท่าเริ่ม ทำซ้ำไปมาประมาณ 1 – 2 นาทีจากนั้นสลับข้าง
- V – Step
ท่าที่สองกับ V-Step ที่เป็นอีกท่าแอโรบิกทำได้ง่าย ให้ผลลัพธ์เด็ด โดยท่านี้จะเป็นการอัปเกรดเพิ่มความหนักของการเต้นแอโรบิกขึ้นมา เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว และยืดเส้นยืดสาย รวมถึงท่านี้ยังช่วยยืดกล้ามเนื้อของขาได้อีกด้วย
ส่วนวิธีทำ: ยืนตรง แยกขาให้กว้างระดับสะโพก ก้าวเท้าขวาตามไปให้แยกห่างจากกัน ดึงเท้าซ้ายกลับมาตำแหน่งเดิมแล้วตามด้วยเท้าขวา ทำสลับกันทั้งสองข้าง
- Step Touch
Step touch จัดเป็นอีกท่าเต้นแอโรบิกที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน และลดไขมันสะสมในร่างกายได้อย่างดี แล้วช่วยให้อัตราการเต้นหัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนวิธีทำ: ยืนตรง แยกขาห่างกันประมาณสะโพก ก้าวเท้าซ้ายไปด้านข้างแล้วจึงก้าวเท้าขวาไปแตะแล้วยืดตัวขึ้น ก้าวเท้าขวาไปด้านข้างจากนั้นก้าวเท้าซ้ายและยืดตัวขึ้น
- Mambo
Mambo เป็นท่าออกกำลังกายที่ดัดแปลงมาจากการเต้นจังหวะแมมโบ ที่เป็นท่าเต้นแอโรบิกทำง่าย ๆ สร้างสีสันกับการเต้นจากการย้ำเท้าตามจังหวะเพลง โดยท่าเต้นนี้ช่วยออกกำลังกายช่วงเอว สะโพก และต้นขา
ส่วนวิธีทำ: ยืนตรงเป็นธรรมชาติ ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า แตะเท้าขวาแล้วดึงตัวกลับ วางเท้าซ้ายที่ด้านหลัง จากนั้นแตะเท้าขวาที่พื้นแล้วก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าอีกครั้ง
- Box Step / Jazz square
Box step หรือ Jazz square เนื่องจากเป็นท่าที่เลียนแบบมาจากการเต้นแบบแจซ ซึ่งท่านี้เป็นอีกท่าที่พลาดไม่ได้กับคนที่เต้นแอโรบิก 30 นาทีแล้วอยากลดน้ำหนัก เนื่องจากท่านี้ช่วยในการเผาผลาญมาก และช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate) ถ้าเราทำชำนาญแล้วก็สามารถเพิ่มความเร็วได้ด้วยนะ
ส่วนวิธีทำ: ยืนตรง กางขาออกระดับสะโพก ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าไขว้กับเท้าซ้าย จากนนั้นดึงเท้าซ้ายไปข้างหลัง แล้วก้าวเท้าขวากลับมาข้างตัวให้อยู่ระดับเดียวกับเท้าซ้าย ตามด้วยการก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าแล้วไขว้ไปทางขวา จากนั้นก้าวเท้าขวากลับไปข้างหลัง และดึงเท้าซ้ายมาวางระดับเดียวกัน นับ 1 ครั้ง ทำท่านี้ซ้ำประมาณ 1 – 2 นาที
- Grapevine
มากับท่าสุดท้ายอย่าง Grapevine ที่เราสามารถดัดแปลงได้หลากหลายสไตล์ โดยท่านี้ทำให้เราออกกำลังกายช่วงขา เอว สะโพก
ส่วนวิธีทำ: ยืนตรง ย่ำเท้าอยู่กับที่เพื่อเตรียมตัว แล้วก้าวเท้าซ้ายไปด้านข้างยาว ๆ ไขว้เท้าขวาไปข้างหลัง แล้วดึงเท้าซ้ายไปด้านข้างอีกครั้งตามด้วยก้าวเท้าขวาไปชิดเท้าซ้าย ทำกลับไปทิศทางเดิมโดยเปลี่ยนไปใช้เท้าขวาเร่ิมบ้าง ทำซ้ำ 1 – 2 ครั้ง
ถ้าอยากเต้นแอโรบิกมากกว่า 30 นาทีต้องออกกำลังกายถี่และหนักแค่ไหน?
การเต้นแอโรบิกโดยปกติต้องออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน โดยแบ่งเป็นช่วง ๆ ช่วงละ 10 นาที การแบ่งเป็นครั้ง ๆ นั้นจะช่วยให้ไม่ฝืนร่างกายของเราจนเกินไป ที่อาจทำให้เราปวดเมื่อยตามตัวได้ ถ้าใครสายฟิต รู้สึกออกกำลังกายแบบนี้มันชิลเกินไป ไม่สะใจสำหรับชาวเราที่เป็นสายฮาร์ดคอ เราก็ขอแนะนำให้ใช้เวลามากกว่า 30 นาทีแต่ละวัน
ส่วนความหนักในการออกกำลังกาย โดยทั่วไปจะแนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลาง มือใหม่หัดออก และไม่เคยออกกำลังกายเลยเราก็แนะนำให้ออกกำลังกายเป็นเวลาสั้น ๆ และทำต่อเนื่องเป็นประจำ และเมื่อเราออกกำลังกายไปนาน ๆ เราก็อาจเพิ่มเลเวลการออกกำลังกายของตัวเองจากระดับปานกลาง เป็น ระดับเข้มปานกลาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องดูสภาพร่างกายของตัวเองด้วยว่าไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวทางที่ดีก็อย่าฝืนร่างกายเราดีกว่าเนอะ
ติดตามเราเพื่อรับข้อมูลดีๆได้ที่
: 0815469244
FB : fitpubthailand
IG : fitpubthailand
Line@ : @fitpub (มี@ข้างหน้าด้วย)