แม้ทุกวันนี้ หลาย ๆ คนเริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายมากขึ้น แทบจะไม่มีใคร ไม่ออกกำลังกาย หันซ้ายก็สายเฮลตี้ กินอาหารสุขภาพ เลือกอาหารที่ดีต่อร่างกาย หันขวาก็เจอคนลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ทั้งแพลงก์ คาร์ดิโอต่าง ๆ จนทำให้คนที่ไม่ออกกำลังกายเช่นเรา ทั้งอิจฉา ทั้งอึดอัด ก็อยากมีหุ่นที่ดี แต่ถ้าจะให้ออกกำลังกาย หรือต้องไปกินอาหารสุขภาพแบบนั้นล่ะก็ คงต้องขอเลือกใช้ชีวิตแบบเดิมดีกว่า
แต่ก็อย่างว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ ถึงจะไม่ต้องการหุ่นที่ดี แต่สุขภาพก็ยังต้องดีอยู่เสมอนะ เพราะเมื่อไหร่ที่ร่างกายพัง แน่นอน เราก็พังตามไปด้วย ได้กินได้ใช้ชีวิตแบบสบาย แต่ต้องแลกมาด้วยสุขภาพที่พัง ยังไงก็ไม่คุ้มกันนะ !
งั้นเรามาดูข้อเสียของ การ “ไม่ออกกำลังกาย” กันหน่อยดีกว่า เผื่อจะทำให้สายขี้เกียจ ตามใจปากสายนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ชอบขยับร่างกายอย่างเรา มีแรงฮึด มีไฟในการออกกำลังกาย ให้หันมากลัวอันตรายต่าง ๆ จากการ ไม่ออกกำลังกาย จนกลับมาห่วงสุขภาพของตัวเองขึ้นมาอีกนิด มาดูกันเลย!
- ไขมันสะสมรอบเอวหนาขึ้น
ไขมันชั้นใต้ผิวหนัง หรือ subcutaneous Fat คือส่วนที่ย้วยออกมาจนมีหลายคนเห็นยังคิดว่า ท้อง! ซึ่งไขมันรอบเอวนี้มาจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารมากเกินความต้องการ พลังงานแคลอรี่ที่มากเกินจะถูกนำไปเก็บไว้ในรูปของไขมันรอบเอว โดยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี ยังมีระบบเผาผลาญที่ยังทำงานได้ดีอยู่ แต่หากมากกว่านั้นก็จะเริ่มมีปัญหาห่วงยางมากวนใจอย่างแน่นอน
วิธีการลดไขมันรอบเอวก็มาจากทั้งการกินและการออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ เน้นผัก เน้นไฟเบอร์ เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดีขึ้นและทำงานได้คล่องขึ้น พร้อมกับดื่มน้ำเยอะ ๆ และออกกำลังกายลดสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นการแพลงก์ หรือคาร์ดิโอต่าง ๆ
- กล้ามเนื้อลีบ มวลกล้ามเนื้อลด
อาการกล้ามเนื้อลีบ หรือมวลกล้ามเนื้อลด มีสาเหตุมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อน้อยลง หมายถึง มีกิจกรรมในชีวิตน้อย วันๆนั่งอยู่บนโซฟาหรือเก้าอี้ประจำตำแหน่งจนโซฟาเป็นหลุม กิจกรรมที่ทำอย่างมากก็ดูจอ จิ้มจอ ทั้งนี้ ยังมีหลายงานวิจัยที่ระบุว่า ผู้สูงอายุบางคนไม่ได้เดินออกกำลังกายเพียงสองสัปดาห์ก็สามารถเกิดกล้ามเนื้อลีบได้แล้ว
เพราะความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อจะฝ่อลงตามวัย ผู้สูงวัยหลายคนจึงประสบกับภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยทั่วไปคนเราจะมีมวลกล้ามเนื้อสูงที่สุด (Peak Muscle Mass) ที่ช่วงอายุ 30 – 40 ปี หลังจากอายุ 40 ปี มวลกล้ามเนื้อก็จะเริ่มลดลงร้อยละ 1 – 2 ต่อปี
กลุ่มคนระดับวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่ยังพอมีกำลังในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง การออกกำลังกาย ในช่วงวัยที่ยังมีกำลังอยู่ก็ควรทำสม่ำเสมอเพื่อป้องกันภาวะกล้ามเนื้อลดหรือลีบในช่วงที่อายุมากขึ้น หรือกลุ่มออฟฟิศซินโดรม ที่นั่งจ้องคอมหรือนั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นระยะเวลานาน หากไม่ขยับ ไม่เคลื่อนไหว ก็มีสิทธิ์ที่กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงเช่นกัน
- หัวใจและปอดจะอ่อนแอลง
อัตราการเต้นของหัวใจจะถูกกระตุ้นให้สูบฉีดอย่างหนัก ก็ต่อเมื่อเรามีการออกกำลังกาย หากเราอยู่บ้านโดยไม่ออกกำลังกายเลย ก็เท่ากับการทำงานของหัวใจจะเริ่มอ่อนแอลง เช่นเดียวกับปอด หากเรามีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ไม่ค่อยขยับเคลื่อนไหว คนไข้โรคทางเดินหายใจหลายคนมีระบบทางเดินหายใจที่ทรุดโทรมขึ้น เพราะพวกเขาเลิกออกกำลังกาย”
ดังนั้น การออกกำลังกายจึงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจและปอด ที่กล่าวได้ว่า “ไม่มียาวิเศษตัวไหนช่วยได้” โดยทั่วไป ปอดและหัวใจของผู้หญิงจะเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่อายุ 35 และเมื่อคุณอายุ 60 อวัยวะ 2 อวัยวะนี้จะอ่อนแอลงมากกว่า 50%! การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) ที่เหมาะสมทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน วิ่ง และเดินออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจ ปอด และระบบไหลเวียนโลหิตได้ดี
- ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง
แคลเซียมนอกจากเป็นส่วนประกอบของกระดูกแล้ว ยังทำหน้าที่อื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะช่วยในการแข็งตัวของเลือด ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อระบบประสาท ทำให้เกิดการหดตัวของเซลล์กล้ามเนื้อทั่วไป รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของโปรตีนอื่น ๆ ที่ช่วยในกระบวนการสร้างและสลายกระดูก และที่สำคัญ แคลเซียมยังช่วยควบคุมความสมดุลของกรดในร่างกายอีกด้วย
เมื่อร่างกายของเราขาดแคลเซียม ก็จะทำให้เกิดโรคและอาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปวดตาม ข้อ ชัก ตะคริว กล้ามเนื้อเกร็ง หัวใจหยุดเต้น ฯลฯ ดังนั้น เราจึงควรออกกำลังกายเพื่อเสริมแรงต้านเพิ่มมวลกระดูก เช่น ยกน้ำหนัก วิ่ง กระโดดเชือก และเดินเร็ว ล้วนเป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก และยังเป็นวิธีที่ดีในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้สูงอายุเดิน หรือทรงตัวได้ดี ไม่หกล้มง่าย
- เสี่ยงต่อการเป็นโรค
คนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย จะมีร่างกายที่อ่อนแอ พร้อมกับมีความต้านทานโรคต่ำ เจ็บป่วยได้ง่าย เมื่อเกิดการเจ็บป่วย จะรักษาหายช้า และมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ซึ่งปัญหานี้จะผลกระทบจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
5.1 โรคประสาทเสียดุลยภาพ
ตามปกติการทำงานของอวัยวะภายในอยู่ในการควบคุมของระบบประสาทเสรี 2 ระบบ ซึ่งทำงานต่อต้านซึ่งกัน และกันในสภาพสมดุล การขาดการออกกำลังทำให้การทำงานของประสาทระบบเสรีระบบหนึ่งลดลง การทำงานของอีกระบบ จึงเด่นขึ้น เป็นผลให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะภายในที่ถูกควบคุมอยู่
5.2 โรคหลอดเลือดหัวใจเสื่อมสภาพ
การขาดการออกกำลัง (ประกอบกับปัจจัยอื่น เช่น กินอาหารเกิน ความเคร่งเครียดทางจิตใจ การสูบบุหรี่มาก ฯลฯ) ทำให้หลอดเลือดต่าง ๆ เสียความยืดหยุ่น มีธาตุหินปูนและไขมันไปพอกพูน ทำให้หลอดเลือดตีบแคบเกิดการอุดตันได้ง่าย โดยเฉพาะที่หัวใจ
5.3 โรคความดันเลือดสูง
จากสภาพของหลอดเลือดทั่วไปที่มีการเสื่อมประกอบกับสภาวะทางจิตใจและการเสียดุลยภาพของระบบประสาท อันเนื่องมาจากการขาดการออกกำลังผู้ที่ขาดการออกกำลังจะมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากกว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
4. โรคอ้วน
การขาดการออกกำลังทำให้การเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานน้อยลง จึงมีการสะสมอาหารส่วนเกิน ไว้ในสภาพ ไขมัน การมีไขมันเกินถึงร้อยละ 15 ของน้ำหนักตัวที่ควรเป็น ถือว่าเป็นโรค แต่อาการของโรคจะแสดงออกมาในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบการเคลื่อนไหวมีการติดขัดไม่คล่องตัว ระบบการหายใจและไหลเวียนเลือดมีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น ความอ้วนยังเป็นสาเหตุของโรคอื่น ๆ อีกมาก อาทิเช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง และโรคหัวใจ
5. โรคเบาหวาน
แม้โรคเบาหวานจะเป็นโรคทางกรรมพันธุ์และเป็นความผิดปกติของต่อมที่ผลิตฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่การออกกำลังสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลโดยเผาผลาญให้เป็นพลังงาน ผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำแม้จะมีโอกาสเป็น เบาหวานอยู่ในตัวแล้วก็ตาม
- อารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด
การเสียเหงื่อจะช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น จากงานวิจัยที่เผยแพร่ใน National Library of Medicine ระบุว่า การออกกำลังกายจะส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึก 2 แบบ แบบแรกคือความรู้สึกตื่นตัว ตื่นเต้น และมีความสุข แบบที่ 2 คือความรู้สึกสงบ พอใจและผ่อนคลาย จึงทำให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว และสบายใจหลังจากการออกกำลังกาย
ทั้งนี้ การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) หรือที่เรียกกันว่าสารแห่งความสุขออกมา ขณะที่สมองก็จะหลั่งสารเอ็นโดแคนนาบินอยด์ (Endocannabinoid) ที่ทำให้มีความสุข, สารสื่อประสาท และสารเคมีต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกดีออกมามากขึ้น
- แก่ก่อนวัย
ร่างกายของมนุษย์มีเซลล์มากถึง 60-90 ล้านล้านเซลล์ และภายในออร์แกเนลล์ (Organelle) ซึ่งอยู่ในเซลล์เกือบทั้งหมดยังมีสิ่งที่เรียกว่า ไมโตคอนเดรีย ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 1,000-3,000 ตัวโดยประมาณต่อเซลล์หนึ่งเซลล์ ทำหน้าที่ผลิตพลังงานชื่ออะดีโนซีนไตรฟอสเฟต หรือเอทีพี (Adenosine Triphosphate) และเอทีพี คือ แหล่งพลังงานจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ การย่อยอาหาร เรียกได้ว่าเป็นพลังงานเพื่อการเติบโตและการดำรงชีพโดยแท้
ซึ่งการออกกำลังกายในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้ไมโตคอนเดรียมีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เอทีพีถูกผลิตเพิ่มขึ้นตามมา กล่าวคือ ยิ่งไมโตคอนเดรียทำงานเต็มประสิทธิภาพมากเท่าไร ความสามารถในการจัดการกับอนุมูลอิสระที่มีมา จากออกซิเจนก็ยิ่งสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้การออกกำลังกายในระดับพอเหมาะให้เป็นนิสัย จึงเชื่อมโยงกับการชะลอวัย
เชื่อหรือยัง ? การไม่ออกกำลังกาย ส่งผลเสียอันตรายมากมายเลย ไม่ใช่แค่ทำให้อ้วนขึ้น แต่ยังส่งผลถึงระบบร่างกายต่าง ๆ แม้ในวัยรุ่น วัยกลางคน จะยังไม่มีเอ็ฟเฟกต์ใด ๆ หรือเห็นเอ็ฟเฟกต์แค่เพียงเล็กน้อย แต่ความผิดปกติเหล่านี้ จะส่งผลตอนเราแก่ตัวขึ้นอย่างแน่นอน อย่าปล่อยให้เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องไกลตัว เริ่มต้นสุขภาพดีได้ง่าย ๆ ที่ Fitpub ฟิตเนสสุดจ๊าบ ที่สายสุขภาพต้องโดน !
หากใครสนใจบทความดีๆ อย่างนี้อีก สามารถอ่านได้ที่ ลิงก์
ติดตามเราเพื่อรับข้อมูลดีๆได้ที่
: 0815469244
FB : fitpubthailand
IG : fitpubthailand
Line@ : @fitpub (มี@ข้างหน้าด้วย)
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก : edu.nu., akerufeed, workpointtoday, hd